คำนำ
หลายคนคงจะเห็นพ้องต้องกันว่า
เมื่อได้ฟังเทศน์ ฟังธรรม
อ่านหนังสือธรรมะ
หรือสนทนาธรรมกับท่านผู้รู้อย่างสม่ำเสมอ
ทำให้ใจเราสบาย
ผ่อนคลายและลืมความทุกข์ไปได้ชั่วขณะ
เพราะ ณ
เวลานั้นใจมิได้ไปยึดติดกับสิ่งภายนอกหรือไปรับรู้เรื่องอื่นๆ
ที่วุ่นวาย ใจมีความเห็น จำ
คิดและรู้ที่ตรงกัน
ตั้งมั่นรวมกันเป็นหนึ่ง
ดื่มด่ำอยู่กับความเย็นของรสพระธรรมที่กลั่นกรองให้ดวงจิตมีความใสสะอาดหมดจด
จึงเป็นเวลาที่ใจได้เสริมพละกำลังจากอาหารหรือธรรมโอสถนี้
นำความสงบนิ่งมาสู่จิตใจ
สร้างฐานให้ปัญญาเกิดความสว่างไสว
มองเห็นสภาวธรรมอย่างแจ่มแจ้ง
สิ้นความสงสัยจึงปล่อยวางกาย
ใจได้เป็นอิสระในที่สุด
ธรรมะ
คำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า
จึงเป็นสิ่งที่เราขาดไม่ได้ในการที่จะดำรงชีพให้อยู่อย่างเป็นปกติสุข
เพราะพระธรรมจะเป็นเครื่องนำพาให้ชีวิตก้าวหน้าขึ้นไปสู่การปฏิบัติเพื่อความหลุดพ้นแห่งความทุกข์
ตามขั้นตอนของภูมิธรรมที่แต่ละคนมีความพากเพียร
อุตสาหะ วิริยะ
อดทนที่จะศึกษา ใคร่ครวญ
ตรวจสอบและปฏิบัติอยู่ทุกลมหายใจ
เรื่องของธรรมและเรื่องของจิตจึงเป็นสิ่งที่เกื้อกูลกัน
เพราะเมื่อเข้าใจ
รู้เห็นธรรมะก็จะเข้าใจ
รู้เห็นจิต
และเมื่อเห็นและรู้มากขึ้นก็จะเข้าใจถึงสัจธรรมว่า
ตัวทุกข์มาจากไหน
จะดับมันด้วยวิธีใดและจะทำอย่างไรจึงจะพบกับความสุข
ชีวิตของปุถุชนคงจะหนีไม่พ้นกับสิ่งสองสิ่งนี้ตลอดชั่วอายุขัย
หากเราขาดการเข้าหาธรรมที่จะนำให้เราได้รู้เห็นจิตของตนเองและหาหนทางแก้ไข
ชีวิตนี้ก็เกิดมาอย่างเสียเปล่า
จึงสมควรที่จะต้องเปลี่ยนความคิดและการดำเนินชีวิตเสียใหม่
เริ่มปฏิบัติตามพระธรรมคำสอนที่ได้ยินได้ฟัง
ได้เห็นได้อ่านอย่างแน่วแน่และเด็ดเดี่ยว
เมื่อใจได้รับการอบรมอย่างสม่ำเสมอจะทำให้รู้เห็นในสิ่งที่ชอบ
ที่ดีที่งาม
บริสุทธิ์ผุดผ่อง
เกิดเป็นจิตที่ประเสริฐและในที่สุดก็จะเข้าถึงความหลุดพ้นของการเวียนว่าย
ตาย
เกิดในชีวิตปัจจุบันนี้เอง
คณะผู้จัดทำ
๒๔ กรกฎาคม
๒๕๔๕