| 
               สมเด็จพระสังฆราช
              
               
              แห่งราชอาณาจักรไทย
              
               
              สมัยรัตนโกสินทร์
              
               
               
              
               
              สมเด็จพระสังฆราช
              เป็นตำแหน่งอิสริยยศสูงสุดเพียงหนึ่งเดียวเท่านั้นที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวพระราชทานแด่พระมหาเถระของคณะสงฆ์ไทย
              เพื่อสถาปนาให้ดำรงตำแหน่งสกลมหาสังฆปริณายกปกครองบัญชาการคณะสงฆ์ให้สงบสุข
              สง่างาม
              ยังความไพบูลย์แก่สังฆมณฑล
              รวมทั้งประชาชนในราชอาณาจักรและหมู่มหาชนชาวโลก
              
               
               
              
               
              สมเด็จพระสังฆราชจึงเป็นตำแหน่งสูงสุดของการคณะสงฆ์ที่จะเกื้อกูลต่อพระสงฆ์ในเมทินีดลจักนำพหุชนจรรโลงให้พลโลกเข้าถึงพระพุทธรัตนานุภาพ
              พระธรรมรัตนานุภาพ
              และพระสังฆรัตนานุภาพ
              ประพฤติธรรมเพื่อพ้นจากกิเลสมาร
              ตัดวัฏสงสารสู่โลกสุขเกษมถึงหลักชัยที่สุดแห่งธรรมตามรอยบาทแห่งพระบรมศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้า
              ประทานไว้นานนับสองพันห้าร้อยสี่สิบปีล่วงมาแล้ว
              
               
               
              
               
              แผ่นดินรัตนโกสินทร์นับแต่พุทธศักราช
              ๒๓๑๐
              ประวัติศาสตร์ขานว่าพม่าตีกรุงศรีอยุธยาแตกดับ
              บ้านเมืองย่อยยับเพราะการสงคราม 
              พระเจ้าตากสินมหาราชกู้ชาติกลับคืนมาได้
              สร้างกรุงธนบุรีเป็นราชธานี 
              ทรงฟื้นฟูพระพุทธศาสนา 
              ทรงตั้งพระสงฆ์ผู้ดำรงธรรมและวินัยให้เป็นพระราชาคณะ
              ช่วยทำนุบำรุงพระพุทธศาสนา
              ทรงรวบรวมพระไตรปิฎกจากหัวเมืองมาคัดเลือก
              จัดทำเป็นพระไตรปิฎกฉบับหลวง 
              แต่ยังไม่ทันเรียบร้อยบริบูรณ์
              ก็สิ้นรัชกาลเสียก่อน
              
               
               
              
               
                       
              พุทธศักราช
              ๒๓๒๕
              พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราชเสด็จขึ้นครองราชย์
              ทรงสร้างกรุงเทพมหานครอมรรัตนโกสินทร์ขึ้นเป็นเมืองหลวงใหม่ 
              แม้ศึกสงครามยังไม่สิ้น 
              พระองค์ก็ดำรงมั่นในพระพุทธศาสนาหวังให้รุ่งเรืองดังเดิม 
              จึงทรงสร้างและปฏิสังขรณ์วัดวาอารามขึ้นหลายวัด
              ยกย่องพระสงฆ์ทรงธรรมวินัย
              โดยโปรดสถาปนาให้มีสมเด็จพระสังฆราชเป็นพระราชาคณะผู้ใหญ่ปกครองสืบมา 
              โปรดให้รวบรวมตรวจชำระพระไตรปิฎก
              ทำให้มีการสังคายนาพระไตรปิฎกให้สมบูรณ์เป็นครั้งแรกในสมัยกรุงรัตนโกสินทร์
              
               
               
              
               
              พระฐานะแห่งสมเด็จพระสังฆราช
              
               
                       
              ตามพระราชบัญญัติคณะสงฆ์พุทธศักราช
              ๒๕๐๕
              ได้มีบทบัญญัติกล่าวถึงตำแหน่งสมเด็จพระสังฆราชคือ
              พระมหากษัตริย์ทรงสถาปนาสมเด็จพระสังฆราช
              โดยทรงบัญชาการคณะสงฆ์ทรงตราพระบัญชาสมเด็จพระสังฆราช
              โดยไม่ขัดหรือแย้งกับกฎหมาย
              พระธรรมวินัยและกฎมหาเถรสมาคม
              โดยทรงดำรงตำแหน่งประธานกรรมการมหาเถรสมาคม
              บัญชาการงานของคณะสงฆ์ดังกล่าว
              สมเด็จพระสังฆราชพ้นจากตำแหน่งเมื่อสิ้นพระชนม์พ้นจากความเป็นพระภิกษุ
              ลาออกหรือทรงพระกรุณาโปรดให้ออก
              
               
               
              
               
                       
              สมเด็จพระสังฆราชมีพระนามอยู่
              ๒
              แบบอย่างคือ
              ถ้าเป็นเชื้อพระวงศ์
              และโปรดพระราชทานสถาปนาเป็นสมเด็จพระสังฆราช
              จะมีสมณนามว่า
              "สมเด็จพระสังฆราชเจ้า"
              และมีพระนามเฉพาะ
              อาทิเช่นสมเด็จพระมหาสมณเจ้า
              กรมพระปรมานุชิตชิโนรส
              (วัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม)
              สมเด็จพระสังฆราชเจ้า
              กรมหลวงวชิรญาณวงศ์
              (วัดบวรนิเวศวิหาร)
              เป็นต้น
              
               
               
              
               
                       
              ส่วนสมเด็จพระสังฆราชที่สถาปนาขึ้นจากสามัญชน
              จะมีพระนามว่า
              "สมเด็จพระอริยวงศญาณ"
              ซึ่งต่อมาพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงปรับปรุงพระนามเป็น
              "สมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ"
              และโปรดพระราชทานให้ใช้ราชาศัพท์กับสมเด็จพระสังฆราช
              ที่สถาปนาขึ้นนี้ให้เทียบเท่าพระองค์เจ้า
              
               
               
              
               
              ราชอาณาจักรไทยสมัยรัตนโกสินทร์
              
               
                       
              เริ่มจากการสร้างสถาปนากรุงรัตนโกสินทร์เป็นราชธานีจนปัจจุบันสังฆมณฑลไทยมีพระมหาเถระผู้ได้รับการสถาปนาเป็นสมเด็จพระสังฆราช
              และสมเด็จพระสังฆราชเจ้ารวม
              ๑๙พระองค์
              โดยมีสมเด็จพระสังฆราชเจ้า
              ๕พระองค์
              และสมเด็จพระสังฆราช
              ๑๔
              พระองค์ดังนี้
              
               
               
              
               
              ๑.      
              สมเด็จพระอริยวงศญาณ
              (สี)
              สถิต ณ
              วัดระฆังโฆสิตาราม
              ดำรงสมณศักดิ์
              พ.ศ. ๒๓๒๕
              - ๒๓๓๗
              ดำรงสมณศักดิ์
              ๑๒ พรรษา
              สมัยรัชกาลที่
              ๑  
              
               
               
              
               
              เดิมพระองค์ทรงเป็นชาวนครศรีธรรมราช
              บวชอยู่กรุงศรีอยุธยาคราวเสียกรุงฯ
              แก่พม่าสมเด็จพระเจ้ากรุงธนบุรีอาราธนามาอยู่ที่วัดระฆังฯ
              รัชกาลที่
              ๑
              ย้ายกรุงธนบุรีมากรุงเทพฯ
              โปรดสถาปนาเป็น
              สมเด็จพระสังฆราช
              เป็นประธานการสังคายนาพระไตรปิฎก
              
               
               
              
               
              ๒.    
              สมเด็จพระอริยวงศญาณ
              (สุก)
              สถิต ณ
              วัดมหาธาตุยุวราชรังสฤษฎิ์
              ดำรงสมณศักดิ์
              พ.ศ. ๒๓๓๗
              - ๒๓๕๙
              ดำรงสมณศักดิ์
              ๒๒พรรษา
              สมัยรัชกาลที่
              ๑  
              
               
               
              
               
              สมเด็จพระสังฆราช
              (สุก)
              ทรงรอบรู้แตกฉานทางพระพุทธศาสนาทรงจัดระเบียบการสอบพระปริยัติธรรมเพื่อเป็นเปรียญแบบ
              ๓
              ชั้นคือเปรียญตรี
              เปรียญโท
              และ
              เปรียญเอก
              
               
               
              
               
              ๓.    
              สมเด็จพระอริยวงศญาณ
              (มี)
              สถิต
              ณ
              วัดมหาธาตุยุวราชรังสฤษฎิ์
              ดำรงสมณศักดิ์
              พ.ศ.
              ๒๓๕๙ - ๒๓๖๒
              ดำรงสมณศักดิ์
              ๔ พรรษา
              พระชนมายุ
              ๗๐ พรรษา
              สมัยรัชกาลที่
              ๒ 
              
               
               
              
               
              สมเด็จพระสังฆราช
              (มี)
              ทรงจัดการเรื่องการบริหารสังฆมณฑล
              ส่งสมณทูตไปลังกาทวีปเป็นครั้งแรก 
              ทรงรวบรวมโอวาทคำสอนใช้วัตรปฏิบัติของพระสงฆ์สามเณรเป็นสังฆาณัติของคณะสงฆ์ 
              ทรงพระนิพนธ์
              "โอวาทานุสาสนี"
              ฟื้นฟูพระราชพิธีวิสาขบูชา
              
               
               
              
               
              ๔.    
              สมเด็จพระอริยวงศญาณ
              (สุก)
              สถิต
              ณ
              วัดมหาธาตุยุวราชรังสฤษฎิ์
              ดำรงสมณศักดิ์
              พ.ศ.
              ๒๓๖๒ - ๒๓๖๕
              ดำรงสมณศักดิ์
              ๔ พรรษา
              พระชนมายุ
              ๙๐ พรรษา
              สมัยรัชกาลที่
              ๒  
              
               
               
              
               
              สมเด็จพระสังฆราช
              (สุกญาณสังวร)
              มีผู้ถวายสมัญญาว่า
              "สังฆราชไก่เถื่อน" 
              ปรากฏทรงคุณธรรมทางวิปัสสนาธุระ 
              เล่าลือว่ามีเมตตาบริหารธรรม
              พ.ศ. ๒๓๖๓
              เกิดอหิวาตกโรคระบาดหนัก 
              ชาวบ้านชาวเมืองเสียชีวิตสามหมื่นคน 
              รัชกาลที่
              ๒
              ทรงสั่งให้ตั้งพระราชพิธีอาพาธพินาศโดยพระองค์ทรงศีลตั้งโรงทาน 
              สมเด็จพระสังฆราชทรงให้สังคายนาบทสวดมนต์เพื่อใช้ในพระราชพิธีดังกล่าว
              
               
               
              
               
              ๕.     
              สมเด็จพระอริยวงศญาณ
              (ด่อน)
              สถิต ณ
              วัดมหาธาตุยุวราชรังสฤษฎิ์
              ดำรงสมณศักดิ์
              พ.ศ. ๒๓๖๕
              - ๒๓๘๕
              ดำรงสมณศักดิ์
              ๒๐ พรรษา
              พระชนมายุ
              ๘๑ พรรษา
              สมัยรัชกาลที่
              ๒ - ๓
              
               
               
              
               
              สมเด็จพระอริยวงศญาณ 
              (ด่อน)
              ปฏิบัติศาสนกิจในสมัยรัชกาลที่
              ๓
              ด้วยทรงเป็นพระมหากษัตริย์ที่ทรงเลื่อมใสศรัทธาในพระพุทธศาสนาอย่างยิ่งยวดจึงทรงเป็นประธานศาสนกิจสร้างพระไตรปิฎกจำนวนมาก 
              ตรวจชำระอักขระบาลี
              การสร้างวัดสำคัญและส่งเสริมการศึกษาพระปริยัติธรรม
              
               
               
              
               
              ๖.     
              สมเด็จพระอริยวงศญาณ
              (นาค)
              สถิต ณ
              วัดราชบูรณะราชวรวิหาร
              ดำรงสมณศักดิ์
              พ.ศ. ๒๓๘๖
              - ๒๓๙๒
              ดำรงสมณศักดิ์
              ๖ พรรษา
              พระชนมายุ
              ๘๖ พรรษา
              สมัยรัชกาลที่
              ๓
              
               
               
              
               
              สมเด็จพระสังฆราช
              (นาค)
              ทรงรื้อฟื้นส่งสมณทูตไปยังลังกา
              และสมณทูตจากลังกาเดินทางมายังประเทศไทย 
              สัมพันธไมตรีระหว่างประเทศจึงรุ่งเรืองขึ้นมากพร้อมทั้งยืมพระไตรปิฎกฉบับใหม่ของลังกาทวีปเข้ามาแปลไว้
              ๓๐ คัมภีร์
              
               
               
              
               
               
              
               
              ๗.      
              สมเด็จพระมหาสมณเจ้ากรมพระปรมานุชิตชิโนรส
              (พระองค์เจ้าวาสุกรี)
              ทรงอิสสริยยศ
              ณ
              วัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม
              ดำรงสมณศักดิ์
              พ.ศ. ๒๓๙๔
              - ๒๓๙๖
              ดำรงสมณศักดิ์
              ๒ พรรษา 
              พระชนมายุ
              ๖๔ พรรษา
              สมัยรัชกาลที่
              ๔
              
               
               
              
               
              สมเด็จพระมหาสมณเจ้ากรมพระปรมานุชิตชิโนรส 
              นับเป็นพระสังฆราชเจ้าพระองค์แรกที่เป็นพระราชวงศ์
              พระนามเดิม
              "พระองค์เจ้าวาสุกรี" 
              พระราชโอรสในรัชกาลที่
              ๑
              ทรงรอบรู้แตกฉานทั้งภาษามคธ
              บาลี
              และวรรณกรรม 
              ทรงเป็นกวีเอกของโลก
              มีพระนิพนธ์ที่เป็นหลักฐาน
              ๑๕ เรื่อง
              
               
               
              
               
              ๘.      
              สมเด็จพระมหาสมณเจ้า
              กรมพระยาปวเรศวริยาลงกรณ์
              (พระองค์เจ้าฤกษ์
              ปัญญาอคคโต)
              ทรงอิสสริยยศ
              ณ
              วัดบวรนิเวศวิหาร
              ดำรงสมณศักดิ์
              พ.ศ. ๒๓๙๖
              ดำรงสมณศักดิ์
              ๑๐
              เดือนเศษ
              พระชนมายุ
              ๘๓ พรรษา
              สมัยรัชกาลที่
              ๕
              
               
               
              
               
              สมเด็จพระมหาสมณเจ้ากรมพระยาปวเรศวริยาลงกรณ์ 
              พระนามเดิม
              "พระองค์เจ้าฤกษ์" 
              เป็นพระโอรสองค์ที่
              ๑๘
              ในสมเด็จพระบวรราชเจ้า
              กรมพระราชวังบวรมหาเสนานุรักษ์ 
              พระองค์ทรงเชี่ยวชาญภาษาบาลี
              เป็นองค์ประธานชำระและแปลพระไตรปิฎก
              พิมพ์พระไตรปิฎกฉบับภาษาไทยขึ้นเป็นครั้งแรก 
              ทรงกำหนดพระราชบัญญัติและประกาศคณะสงฆ์ต่างๆ
              
               
               
              
               
              ๙.      
              สมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ
              (สา
              ปุสสเทโว)
              สถิต
              ณ
              วัดราชประดิษฐ์สถิตมหาสีมาราม
              ดำรงสมณศักดิ์
              พ.ศ.
              ๒๔๓๖ - ๒๔๔๒
              ดำรงสมณศักดิ์
              ๖ พรรษา 
              พระชนมายุ
              ๘๗ พรรษา
              สมัยรัชกาลที่
              ๕
              
               
               
              
               
              สมเด็จพระสังฆราช
              (สา
              ปุสสเทโว ป.ธ.๙)
              ทรงศึกษาพระปริยัติธรรมเข้าสอบแปลปากเปล่าได้คราวเดียว
              ๙ ประโยค
              ตั้งแต่ยังเป็นสามเณร
              อายุ ๑๘ ปี
              เป็นเปรียญเอกตามเสด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวมาอยู่วัดบวรนิเวศวิหาร
              และลาสิกขาไปเป็นฆราวาส
              ๖ ปี  รัชกาลที่
              ๔
              โปรดเกล้าฯ
              ให้อุปสมบทใหม่และเข้าแปลพระปริยัติธรรมในสนามหลวงอีกครั้งปรากฎว่าสอบได้
              ๙
              ประโยคอีก 
              ทรงเชี่ยวชาญทางคัมภีร์พระสูตรมาก 
              งานที่ทรงนิพนธ์มี
              ๓๙ บท 
              ทรงนิพนธ์พระสูตรคาถาต่างๆ
              ไว้มากที่สุด
              
               
               
              
               
              ๑๐.        
              สมเด็จพระมหาสมณเจ้ากรมพระยาวชิรญาณวโรรส
              ทรงอิสสริยยศ
              วัดบวรนิเวศวิหาร
               ดำรงสมณศักดิ์
              พ.ศ.
              ๒๔๔๓ - ๒๔๖๔ดำรงสมณศักดิ์
              ๒๒ พรรษา
              พระชนมายุ
              ๖๒ พรรษา
              สมัยรัชกาลที่
              ๖
              
               
               
              
               
              สมเด็จพระมหาสมณเจ้ากรมพระยาวชิรญาณวโรรส 
              พระนามเดิม
              "พระองค์เจ้ามนุษยนาคมานพ"
              เป็นพระราชโอรสในรัชกาลที่
              ๔  พระองค์ทรงวางรากฐานของการศึกษาสงฆ์ในยุคสมัยใหม่
              และทรงทำงานเกี่ยวกับการศึกษาพระปริยัติธรรมมากที่สุดพระองค์หนึ่ง 
              ทรงจัดให้มีการสอบความรู้นักธรรมและระบบสอบพระปริยัติธรรมแผนกบาลี
              มีการจัดระบบแบ่งส่วนการปกครองในพระราชบัญญัติลักษณะปกครองพระสงฆ์
              ร.ศ. ๑๒๑
              ทรงริเริ่มก่อตั้งมหามกุฏราชวิทยาลัย
              
               
               
              
               
              ๑๑.        
              สมเด็จพระสังฆราชเจ้ากรมหลวงชินวรสิริวัฒน์
              (หม่อมเจ้าภุชงค์)
              
               
              ทรงอิสสริยยศ
              ณ
              วัดราชบพิธสถิตมหาสีมาราม 
              ดำรงสมณศักดิ์
              พ.ศ.
              ๒๔๖๔–
              ๒๔๘๐
              ดำรงสมณศักดิ์
              ๑๖ พรรษา 
              พระชนมายุ
              ๗๙ พรรษา
              สมัยรัชกาลที่
              ๖ - ๗ 
              
               
               
              
               
              สมเด็จพระสังฆราชเจ้า
              กรมหลวงชินวรสิริวัฒน์ 
              พระนามเดิม
              "หม่อมเจ้าภุชงค์
              ชมพูนุท" ทรงวางระเบียบการปกครองคณะสงฆ์ให้รัดกุมที่เรียกว่า 
              สังฆราชาณัติ 
              ทรงเป็นประธานกรรมการตรวจชำระบาลีพระไตรปิฎกฉบับสยามรัฐ 
              ทรงให้คำแปลเรื่องเกี่ยวกับทรงธรรมเช่น
              สามเณรานุสิกขา
              อภิธานนัปปทีปิกา
              
               
               
              
               
              ๑๒.        
              สมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ
              (แพ
              ติสสเทโว)
              สถิต ณ
              วัดสุทัศนเทพวราราม
              ดำรงสมณศักดิ์
              พ.ศ. ๒๔๘๑
              - ๒๔๘๗
              ดำรงสมณศักดิ์
              ๖ พรรษา
              พระชนมายุ
              ๘๙ พรรษา
              สมัยรัชกาลที่
              ๘
              
               
               
              
               
              สมเด็จพระสังฆราช
              (แพ
              ติสสเทโว) เป็นชาวกรุงเทพฯ
              โดยกำเนิด
              ทรงเป็นผู้ประสานนโยบายพุทธจักรและอาณาจักรให้อนุรูปกันในระบอบใหม่
              มีพระบัญชาให้เปิดประชุมสมัยสามัญแห่งสังฆสภาและเสด็จเปิดปฐมฤกษ์เมื่อวันวิสาขบูชา
              ๒๔๘๕
              ทรงวางระเบียบพระภิกษุสามเณรไปต่างประเทศ 
              ทรงเป็นประธานแปลพระไตรปิฎกฉบับภาษาไทย 
              ทรงมีความนิยมทางศิลปะจัดระเบียบของสงฆ์ 
              โปรดจัดโต๊ะหมู่บูชาเป็นแบบแผน
              
               
               
              
               
              ๑๓.        
              สมเด็จพระสังฆราชเจ้ากรมหลวงวชิรญาณวงศ์
              (ม.ร.ว.ชื่น
              นพวงศ์
              สุจิตโต)
              ทรงอิสสริยศ
              ณ
              วัดบวรนิเวศวิหาร 
              ดำรงสมณศักดิ์
              พ.ศ. ๒๔๘๘
              - ๒๕๐๑
              ดำรงสมณศักดิ์
              ๑๔ พรรษา
              พระชนมายุ
              ๘๖ พรรษา
              สมัยรัชกาลที่
              ๘ - ๙
              
               
               
              
               
              สมเด็จพระสังฆราชเจ้า
              กรมหลวงวชิรญาณวงศ์ 
              พระนามเดิม
              "ม.ร.ว.ชื่น
              นพวงศ์" ทรงมีพระปรีชายอดเยี่ยม 
              ทรงประกอบศาสนกิจสำคัญตั้งแต่ประกอบพิธีฉลอง
              ๒๕
              พุทธศตวรรษ 
              อันเป็นพิธีที่ยิ่งใหญ่แห่งพระพุทธศาสนาในราชอาณาจักรไทย 
              ทรงมีพระบัญชาให้จัดตั้งสภาการศึกษามหาวิทยาลัยพระพุทธศาสนาแห่งประเทศไทย 
              เปิดการสอบพระนักศึกษาเป็นรุ่นแรกเมื่อ 
              พ.ศ. ๒๔๙๙
              ทรงเป็นพระอุปัชยาจารย์ในการเสด็จออกทรงผนวชของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
              
               
               
              
               
              ๑๔..        
              สมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ
              (ปลด
              กิตติโสภโณ)
              สถิต ณ
              วัดเบญจมบพิตรดุสิตวนาราม 
              ดำรงสมณศักดิ์
              พ.ศ. ๒๕๐๓
              - ๒๕๐๕
              ดำรงสมณศักดิ์
              ๒ พรรษา 
              พระชนมายุ
              ๗๓ พรรษา
              สมัยรัชกาลที่
              ๙
              
               
               
              
               
              สมเด็จพระสังฆราช
              (ปลด
              กิตติโสภโณ
              ป.ธ.๙)
              ทรงสนพระทัยการศึกษาพระปริยัติธรรมจนแตกฉาน
               สอบไล่เปรียญธรรม
              ๙
              ประโยคได้หน้าพระที่นั่ง
              รัชกาลที่
              ๕) ตั้งแต่ครั้งเป็นสามเณรจึงได้รับพระราชทานอุปสมบทในพระบรมราชานุเคราะห์
              ณ
              วัดพระศรีรัตนศาสดาราม 
              เป็นสามเณรรูปแรกที่ได้รับพระมหากรุณาธิคุณ
              และเป็นธรรมเนียมสืบมา 
              ได้รับการยกย่องว่าเป็นพระเถระที่แสดงธรรมมีโวหารไพเราะทันสมัย 
              ทรงรับงานพระปริยัติมาโดยตลอด 
              ได้แสดงพระปรีชาสามารถรอบรู้แตกฉานในพระปริยัติธรรมให้ปรากฏ
              
               
               
              
               
              ๑๕.        
              สมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ
              (อยู่
              ญาโณทโย)
              สถิต ณ
              วัดสระเกศราชวรมหาวิหาร 
              ดำรงสมณศักดิ์
              พ.ศ. ๒๕๐๖
              - ๒๕๐๘
              ดำรงสมณศักดิ์
              ๒ พรรษา
              พระชนมายุ
              ๙๑ พรรษา
              สมัยรัชกาลที่
              ๙
              
               
               
              
               
              สมเด็จพระสังฆราช
              (อยู่
              ญาโณทโย ป.ธ.๙)
              ทรงความสันโดษมักน้อย
              และมีความเป็นกันเองไม่ถือพระองค์ 
              เมื่อทรงเข้าแปลบาลีสนามหลวงเป็นเปรียญ
              ๙ ประโยค 
              รัชกาลที่
              ๕
              ทรงเลื่อมใสศรัทธารับสั่งให้นำรถยนต์หลวงมาส่งถึงวัดสระเกศ 
              และปฏิบัติเป็นธรรมเนียมสืบมา 
              ทรงพหูสูต
              ทรงเชี่ยวชาญแตกฉานอักษรสมัยทั้งสกสมัยและไพรัชพากษ์เป็นอย่างดี
              
               
               
              
               
              ๑๖.        
              สมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ
              (จวน
              อุฏฐายี)
              สถิต ณ 
              
               
              วัดมกุฏกษัตริยารามวรวิหาร 
              ดำรงสมณศักดิ์
              พ.ศ.
              ๒๕๐๘ - ๒๕๑๔
              ดำรงสมณศักดิ์
              ๗ พรรษา 
              พระชนมายุ
              ๗๔ พรรษา
              สมัยรัชกาลที่
              ๙
              
               
               
              
               
              สมเด็จพระสังฆราช
              (จวน
              อุฏฐายี ป.ธ.๙)
              ทรงศึกษาพระปริยัติธรรม
              ทรงนิพนธ์ "รตนตตยปปภาวสิทธิคาถา"
              สำหรับใช้สวดในพระราชพิธี 
              ทรงเคยเป็นสังฆมนตรีว่าการองค์การเผยแผ่สังฆนายก
              ๒ สมัย 
              ทรงส่งเสริมให้มหาวิทยาลัยทางพุทธศาสนากับกระทรวงศึกษาธิการจัดตั้งหลักสูตรการศึกษาของพระภิกษุสามเณรเป็นโรงเรียนพระปริยัติธรรมแผนกสามัญ 
              ทรงออกคำสั่งมหาเถรสมาคมเรื่องการศึกษาของมหาวิทยาลัยสงฆ์
              ๒๕๑๒
              มีผลให้สภาการศึกษามหามกุฏราชวิทยาลัย
              และมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัยเป็นมหาวิทยาลัยอย่างเป็นทางการ
              
               
               
              
               
              ๑๗. 
                สมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ
              (ปุ่น
              ปุณณสิริ)
              สถิต
              ณ
              วัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม 
              ดำรงสมณศักดิ์
              พ.ศ.
              ๒๕๑๕ - ๒๕๑๗
              ดำรงสมณศักดิ์
              ๑ พรรษาเศษ
              พระชนมายุ
              ๗๗ พรรษา
              สมัยรัชกาลที่
              ๙
              
               
               
              
               
              สมเด็จพระสังฆราช
              (ปุ่น
              ปุณณสิริ) พระนามทั่วไปเรียกว่า
              "สมเด็จป๋า)
              เพราะมีพระทัยเมตตากรุณาแก่ทุกคนไม่เลือกชั้นวรรณะดุจพ่อมีเมตตาต่อบุตร
              ห่วงใย
              เอื้ออาทรรักใคร่เสมอหน้า 
              เมื่อเยาว์วัยเข้ามาศึกษาที่กรุงเทพฯ
              กับพระป่วนวัดมหาธาตุ
              และย้ายมาศึกษากับพระมงคลเทพมุนี
              (สด
              จนทสโร) ซึ่งมีศักดิ์เป็นอา 
              ที่วัดพระเชตุพนฯ 
              สมเด็จป๋าทรงรับงานบริหารการคณะสงฆ์หลายประการ 
              ทรงเป็นพระธรรมทูต 
              ทรงสนพระทัยในการประพันธ์
              มีนามปากกาว่า
              "ป. ปุณณสิริ" 
              ทรงนิพนธ์บทความไว้มากและมีชื่อเสียงแพร่หลายมาก
              
               
                 
              
              
               
              ๑๘. 
                สมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ
              (วาสน์
              วาสโน)
              สถิต ณ
              วัดราช
              
               
              บพิตรสถิตมหาสีมาราม 
              ดำรงสมณศักดิ์
              พ.ศ.
              ๒๕๑๗ - ๒๕๓๑
              ดำรงสมณศักดิ์
              ๑๔
              พรรษาเศษ
              พระชนมายุ
              ๙๑ พรรษา
              สมัยรัชกาลที่
              ๙
              
               
                     
              
              
               
              สมเด็จพระสังฆราช
              (วาสน์
              วาสโน) ทรงเป็นผู้เจริญยิ่งด้วยพรรษายุกาล
              รัตตัญญู
              ผู้ทรงจริยางดงาม
              สุขุมธรรมวิธาน
              น่าเคารพ 
              ทรงเป็นพระราชอุปัชฌาย์
              สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชสยามมกุฏราชกุมารเมื่อคราวทรงผนวช 
              ทรงเร่งรัดการก่อสร้างพุทธมณฑล
              และทรงนิพนธ์รจนาคำสอนไว้อย่างไพเราะ
              
               
               
              
               
              ๑๙.
              สมเด็จพระญาณสังวรสมเด็จพระสังฆราช
              (เจริญ
              สุวฑฒโน)
              สถิต ณ
              วัดบวรนิเวศวิหาร 
              ดำรงสมณศักดิ์
              พ.ศ. ๒๕๓๒
              - ปัจจุบัน
              สถาปนา ๒๑
              เมษายน
              ๒๕๓๒
              พระชนม์ปีที่
              ๔๔
              รัชกาลที่
              ๙
              
               
               
              
               
              สมเด็จพระญาณสังวร
              สมเด็จพระสังฆราช
              สกลมหาสังฆปริณายก
              (เจริญ
              สุวฑฒโน ป.ธ.๙)
              พระนามจารึกในพระสุพรรณบัฏของสมเด็จพระสังฆราช
              พระองค์ที่
              ๑๙
              แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ว่า
              
               
              "สมเด็จพระญาณสังวร
              บรมนริศรธรรมนีติภิบาล
              
               
              อริยวงศาคตญาณวิมล
              สกลมหาสังฆปริณายก
              
               
              ตรีปิฎกปริยัตติธาดา
              วิสุทธจริยาธิสมบัติ
              
               
              สุวัฑฒนภิธานสงฆวิสุตปาวจนุตตมพิสาร
              
               
              สุขุมธรรมวิธานธำรง
              วชิรญาณวงศวิวัฒ
              
               
              พุทธบริษัทคารวสถาน
              วิจิตรปฏิภาณพัฒนคุณ
              
               
              วิบุลสีลาจารวัตรสุนทร
              บวรธรรมบพิตร
              
               
              สรรพคณิศรมหาปธานาธิบดีคามวาสี
              อรัณยาวาสี
              
               
              สมเด็จพระสังฆราช"
               
             |