วัดญาณสังวรารามวรมหาวิหาร
ในพระบรมราชูปถัมภ์  
อ. บางละมุง   จ. ชลบุรี ๒๐๑๕๐
โทร ๐๓๘ ๒๓๗ ๕๐

วัดญาณสังวราราม เป็นพระอารามหลวงชั้นเอก ชนิดวรมหาวิหาร  ตั้งอยู่ที่บ้านห้วยใหญ่ ตำบลห้วยใหญ่ อำเภอบางละมุง จังหวัดชลบุรี ๒๐๒๖๐   สร้างขึ้นใน พ.. ๒๕๑๙ นายแพทย์ขจร และคุณหญิงนิธิวดี อันตระการ พร้อมด้วยบุตรธิดา มีจิตศรัทธาบริจาคที่ดินจำนวน ๑๐๐ ไร่ ๑ งาน ๙๒ ตารางวา  แด่ สมเด็จพระญาณสังวร เจ้าอาวาสวัดบวรนิเวศวิหาร  (ปัจจุบันทรงเป็นสมเด็จพระสังฆราช  ตั้งแต่ พ.. ๒๕๓๒ - ปัจจุบัน)  เพื่อสร้างวัดในพระพุทธศาสนา และปรารถนาให้มีนามตามทินนามสมณศักดิ์ของสมเด็จฯ วัดนี้จึงมีชื่อว่า  วัดญาณสังวราราม

ในระยะแรกวัดนี้มีฐานะเป็นสำนักสงฆ์  และได้รับอนุญาตอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ ๒๑ กุมภาพันธ์ พ.. ๒๕๒๓ และรับพระราชทานวิสุงคามสีมาเมื่อวันที่ ๑๐ มีนาคม พ.. ๒๕๒๕ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวปรเมนทรมหาภูมิพลมหาราช ทรงพระมหากรุณารับไว้เป็นวัดในพระบรมราชูปถัมภ์และได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ยกวัดญาณสังวรารามเป็นพระอารามหลวงชั้นเอกชนิดวรมหาวิหาร ตั้งแต่วันที่ ๔ มีนาคม พ.. ๒๕๓๑  ปัจจุบันอาณาเขตของวัดมีพื้นที่ ๓๖๖ ไร่ ๒ งาน ๑๑ ตารางวา  นอกจากนี้ยังมีเนื้อที่ในเขตโครงการพระราชดำริประมาณ ๒,๕๐๐  ไร่เศษที่ติดต่อกับอาณาเขตวัด

เนื่องจากบริเวณพื้นที่สร้างวัดเป็นที่ราบเชิงเขาห่างจากถนนสุขุมวิทช่วงระหว่างบางละมุง-สัตหีบ โดยแยกเข้ามาจากถนนทางหลวงประมาณ ๕ กิโลเมตร  ทางการจึงได้ทำการตัดถนนเข้ามาจนถึงวัดทำให้การเดินทางสะดวกขึ้น  จึงได้มีการก่อสร้างปูชนียวัตถุสถานขึ้นตามลำดับ  เช่น พระอุโบสถ, พระบรมธาตุเจดีย์มหาจักรีพิพัฒน์, พระมหามณฑป พระพุทธบาท ภปร. สก., ศาลาอเนกกุศลขนาดใหญ่สองหลัง สว.กว. (ศรีสังวาลย์กัลยาณิวัฒนา) และ มวก.สธ. (มหาวชิราลงกรณ์ สิรินธร)

วัดญาณสังวรารามอาจถือเป็นวัดประจำรัชกาลพระบาทสมเด็จพระปรเมนทรมหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช  เนื่องจากคณะผู้สร้างวัดได้พร้อมใจกันสร้างขึ้นเพื่อน้อมเกล้าน้อมกระหม่อมถวายแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว  เนื่องในวโรกาสพระราชพิธีเฉลิมพระชนมพรรษาครบ ๕ รอบ

วัดนี้อยู่ในพระอุปถัมภ์ของสมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราชสกลมหาสังฆปรินายก และได้รับพระมหากรุณาธิคุณพระกรุณานานัปการจากองค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว สมเด็จพระนางเจ้าพระบรมราชินีนาถ สมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี  สมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอ สมเด็จพระเจ้าลูกเธอทุกพระองค์ และสมเด็จเจ้าฟ้ากรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ได้ทรงอุปถัมภ์ในการก่อสร้างตลอดมา  และทรงรับเป็นวัดในพระบรมราชูปถัมภ์ เป็นวัดในพระองค์อีกด้วย

สิ่งสำคัญในพระอารา

.  พระอุโบสถ สร้างดัดแปลงจากแบบพระอุโบสถคณะรังษีวัดบวรนิเวศวิหาร  สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ทรงวางศิลาพระฤกษ์ สร้างเมื่อวันจันทร์ที่ ๒๔ มีนาคม พ.. ๒๕๒๓    ภายในประดิษฐานพระประธานมีพระนามว่า  สมเด็จพระพุทธญาณนเรศวร์  ที่เศียรบรรจุพระบรมสารีริกธาตุ องค์พระประธานสร้างขึ้นเพื่อน้อมเกล้าฯ ถวายแด่สมเด็จพระนเรศวรมหาราช  พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงเททองหล่อเมื่อวันที่ ๑๔ สิงหาคม พ.. ๒๕๒๓ ที่วัดบวรนิเวศวิหาร   ส่วนพระอุโบสถคณะผู้สร้างวัดได้ร่วมใจกันสร้างเพื่อน้อมเกล้าฯ ถวายแด่สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช

.  พระบรมธาตุเจดีย์มหาจักรีพิพัฒน์  พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ใช้นามนี้โดยมีความหมายว่า  พระเจดีย์บรรจุพระบรมสารีริกธาตุเพื่อความเจริญรุ่งเรืองแห่งพระมหาจักรี   พระบรมธาตุเจดีย์สร้างขึ้นเพื่อน้อมเกล้าฯ ถวายแด่พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช  องค์ปฐมกษัตริย์แห่งราชวงศ์จักรี และพระบรมราชวงศ์จักรี  สมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนีทรงเป็นองค์อุปถัมภ์ในการก่อสร้าง  พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงวางศิลาพระฤกษ์สร้างเมื่อวันศุกร์ที่ ๓๐ เมษายน พ.. ๒๕๓๐

พระบรมธาตุเจดีย์มหาจักรีพิพัฒน์เป็นพระเจดีย์ขนาดใหญ่ มีความสูง ๓๙ เมตร ฐานกว้าง ๓๙ เมตร ฐานชั้นล่างเป็นห้องโถงสำหรับการบำเพ็ญกุศลในโอกาสต่างๆ   มีพระพุทธรูป ภปร. ปางประทานพรเป็นองค์พระประธาน  พร้อมโต๊ะหมู่บูชามีพระนามาภิไธยย่อ สว. ซึ่งสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนีทรงถวายไว้ ชั้นที่ ๒ เป็นโถงสำหรับที่ประชุมสงฆ์ เป็นที่ปฏิบัติสมาธิภาวนา  ชั้นที่ ๓ เป็นที่ประดิษฐานพระเจดีย์บรรจุพระบรมสารีริกธาตุ

.  พระมหามณฑปพระพุทธบาท ภปร.สก. สร้างขึ้นเพื่อน้อมเกล้าฯ ถวายเป็นพระราชกุศลส่งเสริมพระบุญญาธิการในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ  โปรดเกล้าฯ ให้สร้างบนยอดเขาแก้ว  ประดิษฐานรอยพระพุทธบาทคู่ซึ่งแกะสลักบนแผ่นศิลาทึบ ลักษณะพระมณฑปเป็นมณฑป ๒ ชั้น  ชั้นล่างแบ่งเป็นสองตอน  ส่วนที่ ๑ เป็นที่อยู่อาศัยของพระสงฆ์  ส่วนที่ ๒ เป็นถังเก็บน้ำสะอาดเพื่อการบริโภค  ชั้นบนเป็นที่ประดิษฐานรอยพระพุทธบาทคู่  ที่องค์พระมณฑปประดับด้วยโมเสกสีทอง  ซึ่งสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารีได้พระราชทานจากโมเสกที่รื้อออกจากองค์พระเจดีย์วัดพระศรีรัตนศาสดารามในพระบรมมหาราชวังเมื่อคราวปฏิสังขรณ์ฉลองกรุงรัตนโกสินทร์ ๒๐๐ ปี พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวได้ทรงวางศิลาพระฤกษ์เมื่อวันพุธที่ ๒๗ มิถุนายน พ.. ๒๕๒๗

.  ศาลาอเนกกุศล สว.กว. สร้างขึ้นเพื่อน้อมเกล้าฯ ถวายสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี และสมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอเจ้าฟ้ากรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ พระประธานประจำศาลาคือ พระพุทธชินราชสีหศาสดา  เป็นพระพุทธรูปที่ดัดแปลงจากแบบพระ ภปร. ปางประทานพร เป็นพระภปร. ปางสมาธิ สร้างขึ้นเพื่ออุทิศถวายเป็นพระราชกุศลในสมเด็จพระมหิตลาธิเบศรอดุลยเดชวิกรม พระบรมราชชนก และสมเด็จพระปรเมนทรมหาอานันทมหิดล รัชกาลที่ ๘

.  ศาลาอเนกกุศล มวก.สธ. สร้างขึ้นเพื่อน้อมเกล้าฯ ถวายเป็นพระราชกุศลในสมเด็จพระบรมโอรสาธิราช สยามมกุฎราชกุมารและสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี พระประธานประจำศาลาได้จำลองแบบจากพระไพรีพินาศที่ประดิษฐานอยู่ ณ ทักษิณชั้นบนของพระเจดีย์ใหญ่วัดบวรนิเวศวิหาร

.  พระตำหนักทรงไทย ประกอบด้วยพระตำหนัก ๔ หลัง  ตั้งอยู่ทางด้านทิศตะวันออกของวัด  เยื้องกับพระบรมธาตุเจดีย์ไปทางทิศเหนือเล็กน้อย  สร้างขึ้นเพื่อน้อมเกล้าฯ ถวายแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ในวโรกาสมหามงคลพระชนมพรรษาครบ ๕ รอบ  สำหรับเป็นที่เสด็จประทับปฏิบัติพระราชกรณียกิจตามพระราชอัธยาศัย

.  ศาลานานาชาติ หรือ ศาลามังกรเล่นน้ำ เป็นศาลาขนาดเล็ก  ตั้งอยู่ริมอ่างเก็บน้ำ มี ๗ หลัง คือศาลาไทยภาคกลาง ศาลาไทยล้านนา ศาลาจีนหลังคามังกร ศาลาจีนหลังหงส์ ศาลาฝรั่ง ศาลาอินเดีย และศาลาญี่ปุ่น ศาลาแต่ละหลังแสดงถึงศิลปะสถาปัตยกรรมเกี่ยวกับพุทธศาสนาของชาติต่างๆ และแต่ละศาลามีรูปมังกรเล่นน้ำประดับเป็นสัญลักษณ์ทุกศาลา  อันเป็นสิ่งที่หมายถึง  น้ำพระราชหฤทัยอันเปี่ยมด้วยพระมหากรุณาธิคุณต่อพสกนิกรทุกถ้วนหน้าแห่งพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว

 ๘.   พระพุทธมหาวชิรอุตตโมภาสศาสดา พระพุทธรูปแกะสลัก หน้าผาเขาชีจรรย์  สร้างเพื่อเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในวโรกาส ทรงครองราชฯ ๕๐ ปี